LG CINEMA 3D TV เจนเนอเรชั่นใหม่แห่งโลกทีวีสามมิติ

LG CINEMA 3D TV เจนเนอเรชั่นใหม่แห่งโลกทีวีสามมิติ
มอบเอฟเฟ็กต์สามมิติเหนือชั้น รับชมได้ทุกมุมมองอย่างอิสระ มาพร้อมแว่นสามมิติน้ำหนักเบา
– บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บุกเบิกตลาดสมาร์ท ทีวี รายแรกของไทย เปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่แห่งโลกทีวีสามมิติ ด้วย LG CINEMA 3D TV มอบประสบการณ์การรับชมภาพสามมิติเหนือชั้น เพลิดเพลินกับคอนเทนต์สามมิติคุณภาพสูงได้อย่างเต็มอรรถรส ดูสบายตา ภาพไม่กระพริบ รับชมได้ทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การแปลงภาพปกติเป็นภาพสามมิติซึ่งให้คุณภาพสมบูรณ์แบบที่สุดในตลาด ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมคอนเทนต์สามมิติได้อย่างไร้ขีดจำกัด และยังมาพร้อมแว่นสามมิติน้ำหนักเบาในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ แอลจียังได้ผนวกฟีเจอร์ สมาร์ท ทีวี ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างง่ายดาย พร้อมเต็มอิ่มไปกับพรีเมียม คอนเทนต์ภาษาไทยที่เพิ่มขึ้นและตรงใจผู้ใช้งานชาวไทย

LG CINEMA 3D TV LW6500 ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วย Cinema 3D เทคโนโลยีการสร้างภาพสามมิติที่ใช้พาเนลชนิดพิเศษ Film Patterned Retarder (FPR) ในการรวมสัญญาณภาพสำหรับตาซ้ายและขวาซึ่งจะถูกแยกออกจากกันอีกครั้งเมื่อผ่านฟิลเตอร์โพลาไรซ์ของแว่นสามมิติ ช่วยให้ผู้รับชมมองเห็นเอฟเฟ็กต์สามมิติที่ดีขึ้น โดยปราศจากปัญหาภาพเหลื่อมซ้อน ภาพกระพริบและลดปัญหาความเมื่อยล้าของสายตา นอกจากนี้ แอลจียังได้พัฒนาฟีเจอร์ 3D Light Boost แผ่นฟิล์มชนิดบางพิเศษซึ่งวางบนหน้าจอ แก้ไขปัญหาเรื่องความสว่างของภาพที่ลดลงในระบบสามมิติทั่วไป โดยการปรับระดับความสว่างของภาพสามมิติให้ถึงขีดสุด และเพิ่มความคมชัดของภาพเพื่อประสบการณ์ในการรับชมภาพยนตร์สามมิติที่ยอดเยี่ยม

แอลจียังได้พัฒนาแว่นสามมิติที่มีน้ำหนักเบา ไม่มีแบตเตอรี่จึงไม่จำเป็นต้องชาร์จประจุไฟและไม่มีผลต่อสุขภาพ แว่นสามมิติของแอลจียังมีระบบการทำงานอิสระ ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่งสัญญาณบนจอภาพ จึงสามารถรับชมได้จากทุกมุมในห้อง หรือแม้กระทั่งนอนชมหน้าโทรทัศน์ ด้วยราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ จึงสามารถซื้อเพิ่มสำหรับการรับชมร่วมกับเพื่อนๆ หรือสมาชิกในครอบครัว

LG CINEMA 3D TV LW6500 โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การแปลงภาพปกติเป็นภาพสามมิติซึ่งให้คุณภาพสมบูรณ์แบบที่สุดในตลาด ผู้ใช้งานจึงสามารถรับชมคอนเทนต์สามมิติได้อย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังเชื่อมต่อแหล่งคอนเทนต์สามมิติจากภายนอกได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น DLNA, USB 2.0, RF Broadcasting และ HDMI 1.4 สำหรับการรับชมภาพสองมิติ แอลจียังได้พัฒนาเทคโนโลยี LED Plus และ Local Dimming แสดงภาพสวยสมจริง คมชัดลึกในทุกมิติ

ก้าวล้ำไปอีกขั้นกับฟีเจอร์ SMART TV ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ผู้ชมจึงเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกได้ตลอดเวลา โดยแอลจีเป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาเอ็กซ์คลูซีฟ คอนเทนต์ภาษาไทยสำหรับอินเตอร์เน็ท ทีวีเป็นครั้งแรก นำเสนอทุกสาระความบันเทิงจากเนชั่น แชนแนล, เว็บไซต์เอ็มไทย, Wikalenda, Shoppening และเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ นอกจากนี้ แอลจียังอำนวยความสะดวกสบายที่เหนือระดับด้วย Magic Motion Remote Control รีโมทพิเศษที่ทำให้ควบคุมทุกความเคลื่อนไหวบนหน้าจออย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
LG CINEMA 3D TV มีทั้งหมด 5 ขนาดหน้าจอ 32, 42, 47, 55 และ 65 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 22,990 – 299,990 บาท

คุณสมบัติทางเทคนิค
• เทคโนโลยีสามมิติแบบ Cinema 3D TV
• Smart TV เชื่อมต่อคอนเทนต์ชั้นนำจากไทยและทั่วโลกผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ท
• 3D Light Boost เพิ่มความสว่างให้หน้าจอทีวี 3 มิติ
• เทคโนโลยี LED Plus และ Local Dimming
• แสดงภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วได้คมชัดด้วย เทคโนโลยี TruMotion 240Hz
• แปลงภาพจากสองมิติเป็นสามมิติได้
• ปรับความลึกในการรับชมภาพสามมิติได้
• รองรับการเชื่อมต่อ USB 2.0 และ HDMI 1.4
• DLNA รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย
• WiFi รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทแบบไร้สาย
• DivX Plus/HD
• Smart Energy Saving ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ

ViewSonic VX 2235wm สุดยอดจอไวด์สกรีน 22"รุ่นใหม่ของโลก

สงครามจอแอลซีดีร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเข้าห่ำหั่นกัน ซึ่งผลดีผลเสียมันย่อมมีด้วยกันทั้งสองด้าน ตลาดจอแอลซีดีกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ใช้ระดับกลางไปจนถึงระดับ Hi-end แต่กระนั้นก็ตาม ตลาดล่างกลายมาเป็นจอแอลซีดีราคาถูกที่มีราคาจำหน่ายไม่ถึง 8,000 บาท ก็ได้จอแอลซีดีขนาด 17" ไว้ใช้งานที่บ้านแล้ว

จอภาพแอลซีดีแบบไวด์สกรีนก็เริ่มเข้ามาให้เห็นกันมากขึ้น จนคุณสามารถหาซื้อจอภาพแอลซีดีไวด์สกรีนขนาด 19" ได้ในราคาไม่ถึงหมื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะเมื่อก่อนเพียงแค่จอขนาด 19" ธรรมดาทั่วไปก็เล่นกันไปเกือบๆ สองหมื่นบาทแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีและการแข่งขัน จึงทำให้ทุกวันนี้ ตลาดจอแอลซีดีเพิ่งจะเริ่มต้นยุคของมันเท่านั้น

ViewSonic ถึงแม้จะเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราเพียงไม่กี่ปี แต่ก็สามารถเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการจอแอลซีดีบ้านเราได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งเข้ามาในช่วงจังหวะจะโคนที่ดี เลยส่งผลให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยใช้เวลาม่นานนัก และด้วยคุณภาพของสินค้าจาก ViewSonic เอง จึงทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

จอแอลซีดีแบบไวด์สกรีนขนาด 22 นิ้วล่าสุดจาก Viewsonic ล้ำหน้าด้วยดีไซน์ที่เฉียบขาด ใช้โทนสีดำหรูขัดเงาแบบเครื่องดนตรีเปียโน ที่มาพร้อมกับความสามารถในการแสดงผลด้วยความละเอียดระดับ 1680 x 1050 พิกเซล ที่ให้ความเร็วในการตอบสนองสูงสุดถึง 5ms มาพร้อมลำโพงในตัว จึงพร้อมที่จะให้ความเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด และสีสันสดใสสมจริง

ด้วย ClearMotiv Technology ที่จะช่วยให้การตอบสนองอัตราความเร็วในการแสดงภาพของวีดีโอระบบต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมี OptiSync Technology ช่วยให้จอแอลซีดี ViewSonic แสดงภาพได้สมจริงทั้งสัญญาณเป็นแบบดิจิตอล และที่เป็นสัญญาณแบบอะนาล็อก นอกจากนั้น Dynamic Structure Technology ช่วยจัดโครงสร้างของ liquid crystal เพื่อช่วยเร่งการแสดงภาพ

Viewing Angle เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับจอแบบแอลซีดี เพราะจะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงความคมชัดแม้จะมองในมุมที่ต่างกัน ทั้งแนวนอน และแนวตั้ง โดย ViewSonic ตัวนี้จะให้ค่า Viewing Angle อยู่ที่ 170 องศา ในแนวนอน และ 160 องศา ในแนวตั้ง และมี Contrast ratio 700 : 1พร้อมด้วย Brightness 280 nit

ตัวจอแอลซีดีนั้น จัดว่าออกแบบมาได้อย่างลงตัวสวยงาม ถึงแม้ว่าจะมีขนาดจอถึง 22" แต่ดูแล้วไม่ใหญ่มากนักสามารถให้ความกลมกลืนกับโต๊ะทำงานได้เป็นอย่างดี โดยทั้งฐานตั้ง และตัวจอภาพออกแบบได้อย่างสมดุล และมีความมั่นคง ด้านหน้าจอภาพเป็นสีดำสนิทจึงช่วยให้ไม่รบกวนสายตาเวลาใช้งาน และช่วยให้จอภาพดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ปุ่มปรับแต่งค่าการใช้งานถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ดูกลมกลืน และใช้งานได้ง่าย โดยนำไปไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางขอบจอด้านล่าง จึงทำให้สะดวกต่อการปรับแต่งค่าการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง

  

Buffalo AirStation NFiniti HighPower รับ-ส่งสัญญาณไร้สายความเร็วสูง

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--เดอะแวลลูซิสเตมส์

เดอะแวลลูซิสเตมส์ แนะนำบัฟฟาโล แอร์สเตชัน เอ็นฟินิตี้ ไฮพาวเวอร์ (Buffalo AirStation NFiniti HighPower) ไวร์เลสเราเตอร์ที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูง สามารถเชื่อมต่อได้ 2 คลื่นความถี่ 2.4GHz หรือ 5GHz พร้อมด้วยพอร์ตกิกะบิตอีเธอร์เน็ต และยูเอสบีพอร์ต สำหรับต่อกับมีเดียเซิร์ฟเวอร์เพื่อสตรีมมิ่งภาพยนตร์





Buffalo AirStation NFiniti HighPower (รุ่น WZR-HP-AG300H)รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายบนมาตรฐาน “IEEE802.11N” หรือไวร์เลส-เอ็น (Wireless N) ที่ให้ความเร็วสูง 300 เมกะบิตต่อวินาที เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในบ้านและสำนักงานขนาดเล็ก อุปกรณ์รุ่นนี้สามารถเลือกใช้งานเป็น Router หรือ Access Point ได้ พร้อมทั้งแชร์อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกันได้ โดยสามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของเครื่องได้อย่างรวดเร็ว การตั้งค่าการทำงานของเครื่องให้มีความปลอดภัยและมีความเร็วสูงได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่ม AirStation One-Touch Secure System (AOSS)
Buffalo ไวร์เลสเราเตอร์รุ่น WZR-HP-AG300H นี้ใช้งานอินเตอร์เน็ตร่วมกันกับระบบเครือข่ายไร้สายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วยกิกะบิตสวิตช์พอร์ตมีทั้งหมด 4 พอร์ตที่มาให้พร้อมกับเครื่อง และยูเอสบีพอร์ต สำหรับต่อกับมีเดียเซิร์ฟเวอร์เพื่อสตรีมมิ่งวิดีโอ, ภาพยนตร์ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานในระบบ VPN เพื่อเข้าถึงข้อมูลจากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย และรองรับการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยแบบ WPA2, WPA-PSK (TKIP,AES) และ WEP 128/64 บิต
บัฟฟาโล แอร์สเตชัน เอ็นฟินิตี้ ไฮพาวเวอร์ (WZR-HP-AG300H) รองรับการเชื่อมต่อ 802.11n ทำให้ครอบคลุมพื้นที่การทำงานได้กว้าง และมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลถึง 300 เมกะบิตต่อวินาที พร้อมกับยังรองรับมาตรฐาน 802.11a/b/g ซึ่งทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รุ่นเก่าได้ ด้วยเทคโนโลยี HighPower จะช่วยเพิ่มระยะความครอบคลุมของสัญญาณ และช่วยขจัดปัญหาด้านจุดบอดของสัญญาณลงได้

จุดเด่นผลิตภัณฑ์

? รองรับการสื่อสารแบบไร้สายด้วยความเร็ว 300 เมกะบิตต่อวินาที

? เสริมประสิทธิภาพการทำงานแบบไร้สายและระยะการทำงานที่ครอบคลุมให้กับทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์

? ประหยัดพลังงานโดยสามารถลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 80%

? ติดตั้งใช้งานได้ง่ายด้วยคุณสมบัติของ AirStation One-Touch Secure System (AOSS)

? มาพร้อมด้วยพอร์ต USB เพื่อรองรับการใช้งานในระบบ NAS

คุณสมบัติทั่วไป

• Wireless LAN Interface

? Standard Compliance : IEEE802.11n, IEEE802.11a, IEEE802.11g, IEEE802.11b

? Wireless Security : WPA2-PSK (AES,TKIP), WPA-PSK (AES, TKIP), 128/64-bit WEP

? Transmission Method : Direct Sequence Spread Spectrum (DSSS), OFDM, MIMO

• Wired LAN Interface

? Standard Compliance : IEEE802.3, IEEE802.3u, IEEE802.3ab

? Speed and Flow Control : 10/100/1000 Mbps (Auto Sensing)

? Number of LAN Ports : 4 x RJ-45 (Auto MDIX)

? Number of WAN Ports : 1 x RJ-45 (Auto MDIX)

• WAN Interface

? Number of WAN Ports :1 x RJ-45

? WAN Security :VPN Pass Through

• USB Interface

? Standard Compliance : USB 2.0

? Connector Type : A type

? Number of Ports : 1

? Setup Utility OS Support : Windows 7 (32/64-bit) / Vista (32/64-bit) / XP/

Mac OS X 10.4, 10.5, 10.6

? Power Consumption : 13.2W (Maximum)

? Dimensions : 165 x 158 x 35 mm

? Weight : 330 g

? Power Supply : External AC 100-240V Universal, 50/60Hz

Apple TV สำหรับห้องดูทีวีในอนาคต

กระแสของ iPhone 4 ที่มาแรงในตอนนี้ อาจจะเบียดกระแสของ Apple TV ไปบ้าง แต่สำหรับคนที่คิดจะแต่งบ้าน หรือทำบ้านกันอยู่ ตัว Apple TV ตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาเปิดที่ 3 พันกว่าบาทเท่านั้น 

Apple TV คือ ทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องเล่น DVD ในปัจจุบันนั่นเอง แต่ต่างกันตรงที่ตัว content ที่เราเล่น ไม่ได้เล่นจากแผ่น DVD แต่ Stream หรือส่งผ่านมาจากคอมพิวเตอร์ ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ททั้งแบบ LAN และ Wifi นอกจาก content จากคอมพิวเตอร์แล้ว ยังสามารถเล่น content จาก iPhone, iPod Touch และ iPad ได้ด้วย 

นอกจาก content ที่เรามีอยู่แล้ว ทั้งเพลง วีดีโอ และภาพถ่าย ยังสามารถเปิดดู content จาก internet ได้อีกด้วย เช่น Video Clip ต่างๆบน YouTube ภาพถ่ายจาก Flickr account ของเรา หรือแม้แต่ Internet Radio

สำหรับท่านที่กำลังสร้างบ้านอยู่ ขอแนะนำว่าให้เดินสาย LAN ไว้สำหรับทีวีของท่านด้วย นอกจากโต๊ะทำงานแล้ว เพราะในอนาคต ระบบทีวีต่างๆจะเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ทมากขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งพา WiFi อย่างเดียว

Concept Phone 10 มือถือ แนวคิดในอนาคต

Weather Cell Phone Concept
แนวคิดมือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ ผลงานการออกแบบของ Seunghan Song มีจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุโปร่งใส ขนาดบางเฉียบ  หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน  สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย

Mobile script Concept
Aleksander Mukomelov ออกแบบแนวคิดโทรศัพท์มือถือร่วมสมัย คล่องตัวในการใช้งาน  ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 9.5 นิ้วที่สามารถดึงเข้า-ออกจากตัวเครื่องด้านข้างได้

Projector Cell Phone Concept
นักออกแบบ  Stefano Casanova นำเสนอผลงานแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ ไว้ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่มกด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ได้

 

Alarm Clock Cell Phone Concept Carl Hagerling ออกแบบ แนวคิดโทรศัพท์มือถือนาฬิกาปลุก Sony Ericsson รูปทรงคล้ายนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ มองเห็นเวลาชัดเจนด้วยรูปแบบนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่  มีเครื่องเล่น Walkman, ติดกล้องถ่ายรูป และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน

Pen Cell Phone Concept
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงปากกา ความสูง 8.7 นิ้ว ปุ่มกดตัวเลข 1-9 เรียงจากหัวปากกาไปด้านบน ถัดไปเป็นจอแสดงผล รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD

Edge Cell Phone Concept
โทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์ ที่มีแผงปุ่มกดโปร่งแสง ใช้ระบบสัมผัส  ผลงานการออกแบบของ  Chris Owens 

Grass Cell Phone Concept
แนวคิดโทรศัพท์มือถือต้นหญ้า ของ Je-Hyun Kim เนื่องด้วยธรรมชาติสร้างสรรค์เทคโนโลยีให้ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว จึงไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมือถือต้นหญ้าเครื่องนี้ก็จะค่อยๆ ย่อยสลายตัวเองไปตามกาลเวลาภายในระยะเวลา 2 ปี

Mechanical Cell Phone Concept
Mikhail Stawsky ออกแบบแนวคิดโทรศัพท์มือถือพลังงานจากกลไกการหมุนตัวเครื่อง ด้วยการใช้นิ้วสวมลงไปในรูวงกลมแล้วหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆ นิ้วมือ เพียงแค่นี้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ก็มีพลังงานเพิ่มขึ้นพร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสบอกสถานะการชาร์จ

Flexible Cell Phone Concept
แนวคิดโทรศัพท์มือถือกำไลข้อมือชิ้นนี้ เป็นผลงานการอกแบบของ Shirley A. Roberts ตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอ ยึดปลายทั้งสองเข้าหากัน ใช้เป็นกำไลข้อมือ พกพาไปไหนได้สะดวกมากขึ้น

Ear Cell Phone Concept
Ilshat Garipov ออกแบบโทรศัพท์มือถือ Kambala ตัวเครื่องมีขนาดบางเฉียบ มีลักษณะคล้ายคลิปหนีบ ดึงส่วนยื่นออกมาเกี่ยวกับช่องหู คล้ายหูฟัง วัสดุประกอบตัวเครื่องแต่ละชั้นใช้โพลิเมอร์สอดแทรกด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเซ็นเซอร์จำนวนมากสามารถตรวจจับผิวหน้าสัมผัสกับตัวเครื่องเปลี่ยนสีพื้นผิวโทรศัพท์ให้เหมือนกับบริเวณที่ส่วมใสอยู่ ดูผิวเผินแล้วเหมือนกับโทรศัพท์ล่องหนได้